เวลาพูดถึงเครื่องมือตัดเหล็ก หลายคนมักจะนึกถึงเครื่องเจียร หรือเครื่องตัดไฟเบอร์ใช่ไหมครับ? แต่จริง ๆ แล้ว ยังมีเครื่องมืออีกประเภทหนึ่งที่คนทั่วไปอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่ใช้งานได้ดี และปลอดภัยกว่าในหลายกรณี โดยเฉพาะงานตัดแผ่นเหล็กบาง ๆ หรือที่ต้องการแนวตัดที่โค้งเว้า สะอาดเรียบร้อย แล้วเครื่องมือที่ว่า ก็คือ กรรไกรไฟฟ้า ครับ ผมจะพาคุณมารู้จักกับเจ้าเครื่องมือตัวนี้กันแบบละเอียด ตั้งแต่ประเภทต่าง ๆ ไปจนถึงลักษณะงานที่ใช้ได้จริง พร้อมแชร์ประสบการณ์ใช้งานแบบบ้าน ๆ ที่ไม่ต้องเป็นช่างมืออาชีพก็เข้าใจได้
หลายคนอาจจะสงสัยว่า “เอ๊ะ แล้วกรรไกรไฟฟ้ามันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมเองก็เคยตั้งคำถามนี้เหมือนกัน จนมาพบว่า เครื่องมือตัวนี้ช่วยให้การทำงานเร็วขึ้นมาก ยิ่งเวลาต้องตัดแผ่นเหล็กจำนวนมาก หรือตัดเหล็กเส้นในพื้นที่แคบ ๆ
ช่างท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้ใช้ เครื่องเจียร ลูกหมู ในการตัดเหล็กเส้น ที่ทั้งเสียงดัง ฝุ่นเยอะ และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ พอเปลี่ยนมาใช้กรรไกรไฟฟ้าแบบสำหรับตัดเหล็กเส้นโดยเฉพาะ ก็ตัดได้เร็วขึ้นกว่าเดิมเยอะ แถมรอยตัดก็เรียบ ไม่ต้องมาเจียรซ้ำ ลดเวลาในการทำงานไปได้เยอะเลยครับ
อีกคนบอกว่า ถ้าเป็นงานที่ต้องตัดเกลียวบ่อย ๆ เช่น งานติดตั้งโครงหลังคา หรืองานซ่อมแซมที่ต้องตัดน็อตเก่าออก การมีกรรไกรไฟฟ้าช่วยให้ทำงานได้คล่องตัวขึ้น ไม่ต้องออกแรงเยอะ ไม่ต้องกลัวสะเก็ดไฟ และไม่ต้องเสียเวลาขัดเกลียวใหม่ ทำให้คุณภาพงานดีขึ้นแบบเห็นได้ชัดครับ
กรรไกรไฟฟ้า คืออะไร? ทำไมต้องใช้?
ก่อนอื่นต้องขออธิบายก่อนว่า กรรไกรไฟฟ้า (Electric Shears) คือเครื่องมือตัดที่ใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อนใบมีดให้ตัดวัสดุออกเป็นชิ้น ๆ คล้ายกับกรรไกรธรรมตัดกระดาษแหละครับ แต่มีพลังมากกว่า ใช้งานต่อเนื่องได้นาน และให้ความแม่นยำสูงกว่าครับ
เครื่องมือนี้ ออกแบบมาให้รองรับงานตัดวัสดุแผ่นที่มีความบาง หรือยืดหยุ่น เช่น แผ่นโลหะบาง พลาสติกแผ่น หรือวัสดุก่อสร้างบางชนิด โดยเฉพาะในงานที่ต้องตัดจำนวนมาก และต้องการความเร็ว รอยตัดที่ได้จากกรรไกรไฟฟ้าจะเรียบ ไม่บิดเบี้ยว และไม่ทำให้วัสดุเสียรูป เหมือนเครื่องมือตัดบางประเภท
อีกจุดที่ทำให้กรรไกรไฟฟ้าน่าสนใจคือความปลอดภัยในการใช้งานครับ เพราะไม่มีสะเก็ดไฟ หรือเสียงดังเหมือนเครื่องเจียร ทำให้เหมาะกับงานภายในอาคาร หรือพื้นที่ปิด และยังลดความเสี่ยงจากเศษวัสดุกระเด็นอีกด้วย
ก่อนที่เราจะไปดูรายละเอียดว่าเครื่องมือตัวนี้ใช้กับวัสดุประเภทใดได้บ้าง ผมอยากให้มองภาพรวมอีกนิดนึงครับ ว่า กรรไกรไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เครื่องตัดธรรมดา แต่เป็นพระเอกในงานติดตั้ง งานประกอบ และงานผลิตจำนวนมาก เพราะช่วยลดเวลาตัดได้หลายเท่า ที่สำคัญยังให้ความปลอดภัย และควบคุมคุณภาพรอยตัดได้ดีกว่าเครื่องมือตัดอื่นๆ
ตัวอย่างวัสดุที่กรรไกรไฟฟ้ารองรับได้ดี:
- แผ่นเหล็กบาง และเหล็กเคลือบ
- แผ่นอลูมิเนียมและสังกะสี
- แผ่นสแตนเลสบาง
- ไฟเบอร์กลาส, พลาสติก PVC และวัสดุแผ่นทั่วไป
- แผ่นฉนวนหรือโฟมบางชนิด
ไม่ว่าจะเป็นงานเหล็ก งานอลูมิเนียม งานตกแต่งภายใน หรืองานแผ่นวัสดุเบาอย่างพลาสติก กรรไกรไฟฟ้า ก็ตอบโจทย์ได้หลากหลายมากครับ ยิ่งถ้าเลือกรุ่นที่เหมาะกับวัสดุ จะช่วยให้เราทำงานได้ไวขึ้น ไม่เมื่อยล้า และลดต้นทุนการซ่อมแซมจากรอยตัดพลาดได้ด้วย
กรรไกรไฟฟ้า มีกี่ประเภท?
จริง ๆ แล้วถ้าแบ่งตามการใช้งานกับวัสดุ และลักษณะการตัด ก็สามารถแบ่ง กรรไกรไฟฟ้า ออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ครับ แต่ละแบบก็จะมีความสามารถที่ต่างกันไป ทั้งในเรื่องของประเภทวัสดุที่สามารถตัดได้ ความแม่นยำของแนวตัด และความสะดวกในการใช้งานในสถานการณ์ต่าง ๆ
การเลือกใช้กรรไกรไฟฟ้าให้เหมาะกับลักษณะงานจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเลือกผิดประเภท อาจทำให้เครื่องทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ เกิดความเสียหายต่อวัสดุ หรือส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งานได้เลยครับ
เดี๋ยวเรามาดูกันครับว่า กรรไกรไฟฟ้า แต่ละประเภทมีลักษณะการทำงานอย่างไร และเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง
1. กรรไกรไฟฟ้าแบบใบมีด (Shear)
ประเภทนี้เป็นรุ่นพื้นฐาน ใช้ใบมีดคู่ (Double-Cut) เลื่อนไปมาคล้ายกรรไกรปกติ เหมาะกับการตัดแผ่นเหล็กตรง ๆ ได้สวยงาม เป็นแนวยาว และตัดได้ไวมากเหมาะกับงานแผ่นเหล็กเคลือบ แผ่นอลูมิเนียม สังกะสี ที่ไม่หนาเกินไป (ประมาณ 1.5-2.0 มม. ขึ้นอยู่กับรุ่น) โดยลักษณะของใบมีดคู่จะช่วยให้แรงตัดกระจายเท่ากัน รอยตัดไม่เบี้ยว และไม่ทำให้ขอบแผ่นเกิดครีบ หรือเสี้ยน
นอกจากนี่ ยังมีรุ่นที่เป็นใบมีดเดี่ยว (Single-Cut) ซึ่งต่างจากใบมีดคู่ตรงที่มีน้ำหนักเบากว่า เคลื่อนไหวคล่องตัวกว่า และเหมาะกับวัสดุที่บางมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการตัดเหล็กที่มีความหนาหรือแข็งมากขึ้น เช่น แผ่นเหล็กรีดร้อน หรือสแตนเลส แนะนำให้ใช้รุ่นใบมีดคู่ หรือแบบตัดเฉือนจะเหมาะสมกว่า เพราะใบมีดเดี่ยวมีข้อจำกัดเรื่องแรงตัด และอาจสึกหรอได้ไวถ้าใช้งานเกินกำลังครับ
ข้อดี:
- ตัดตรงเร็ว
- รอยตัดสะอาด เรียบ ไม่มีครีบ
- คุมเครื่องง่าย
ข้อจำกัด:
- ไม่เหมาะกับการตัดโค้งหรือตัดในมุมแคบ
2. กรรไกรไฟฟ้าแบบตัดเฉือน (Nibblers)
อันนี้น่าสนใจมากครับ เพราะมันไม่ได้ใช้ใบมีดแบบกรรไกร แต่เป็นกลไกคล้ายหมัดเจาะแผ่น ทำให้สามารถตัดวัสดุออกเป็นเส้นได้ทั้งแบบตรง และโค้ง เส้นตัดจะเว้าเล็กน้อยจากการตัดเฉือน เหมาะกับงานตัดแผ่นเหล็กที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น งานทำฝ้าเพดาน งานตัดเหล็กขึ้นรูป หรืองานเจาะช่อง
ข้อดี:
- ตัดได้ทั้งตรง และโค้ง
- คุมทิศทางได้ดี
- เหมาะกับงานดีไซน์ซับซ้อน
ข้อจำกัด:
- รอยตัดจะมีรอยเว้าตามลักษณะการเฉือน
- มีเศษเหล็กหลุดออกเป็นเศษวงกลมเล็ก ๆ ต้องระวังเรื่องความสะอาด และปลอดภัย
3. กรรไกรตัดเหล็กเส้น และเกลียว (Rebar /Threaded Rod Cutter)
กรรไกรไฟฟ้าประเภทนี้ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตัดวัสดุที่เป็นเหล็กเส้น เช่น เหล็กข้ออ้อย เหล็กกลม รวมถึงน็อต และมีแบบเฉพาะสำหรับเกลียวต่าง ๆ ซึ่งจะตัดวัสดุเฉพาะได้โดยไม่ต้องใช้แรงมาก ตัวเครื่องใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับชุดใบมีดที่แข็งแรงมาก สามารถตัดเหล็กเส้นขนาด 10-16 มม. ได้สบาย ๆ แถมยังตัดได้เร็วเพียงไม่กี่วินาที เหมาะกับงานก่อสร้าง งานเหล็กเสริม งานคอนกรีต หรืองานซ่อมแซมที่ต้องตัดเกลียวออกจากโครงสร้างเดิม
ข้อดี:
- ตัดเหล็กเส้น และเกลียวได้รวดเร็ว ไม่ต้องใช้เครื่องเจียร
- ได้รอยตัดที่ตรง ปลายไม่บาน ไม่เสียรูป
- ลดแรงงานคน ประหยัดเวลาในไซต์งานก่อสร้าง
ข้อจำกัด:
- มีน้ำหนักมากกว่าแบบมีดและแบบเฉือน
- ใช้ได้เฉพาะงานตัดเหล็กเส้น ไม่เหมาะกับแผ่นโลหะ หรือวัสดุบาง
แล้วกรรไกรไฟฟ้า ใช้ตัดอะไรได้บ้าง?
อันนี้เป็นคำถามที่หลายคนสงสัยครับ เพราะชื่อมันคือ “กรรไกรไฟฟ้า” แต่ความจริงมันใช้ตัดวัสดุได้หลากหลายมาก โดยเฉพาะพวกแผ่นโลหะ ซึ่งผมจะแบ่งออกเป็นประเภทวัสดุให้ดูกันชัด ๆ นะครับ
1. แผ่นเหล็กทั่วไป (Mild Steel/Galvanized Steel)
นี่คือวัสดุที่เจอบ่อยที่สุดในการใช้งานกรรไกรไฟฟ้าเลยครับ ทั้งเหล็กแผ่นบางทั่วไป ไปจนถึงเหล็กชุบสังกะสีที่ใช้ในงานโครงหลังคา งานท่อ หรืองานประกอบชิ้นส่วนเหล็กเบาในโรงงาน โดยเฉพาะเวลาต้องการความรวดเร็ว และแนวตัดที่เรียบร้อย ไม่เสียรูปวัสดุ
การใช้กรรไกรไฟฟ้าสำหรับตัดแผ่นเหล็กเหล่านี้ จะช่วยลดปัญหาสะเก็ดไฟ และเสียงดังที่มากับเครื่องเจียรแบบเดิม อีกทั้งยังควบคุมทิศทางการตัดได้ง่ายกว่า เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ปิด หรืองานที่ต้องเน้นความสะอาดของขอบตัด
- ลดเสียงดัง และสะเก็ดไฟเมื่อเทียบกับเครื่องเจียร
- ได้แนวตัดตรง และคม ไม่ต้องเจียรซ้ำ
- ควบคุมแนวตัดได้แม่นยำแม้เป็นแผ่นใหญ่
- ลดโอกาสเสียรูปหรือบิดเบี้ยวของวัสดุ
2. แผ่นอลูมิเนียม
อลูมิเนียมบางคนใช้เลื่อย หรือเครื่องเจียรตัด ซึ่งก็ตัดได้ครับ แต่มีปัญหาคืออาจจะคุมแนวตัดยาก และเสี่ยงที่แผ่นจะเบี้ยว หรือเกิดความร้อนสะสมที่ขอบตัดจนทำให้เกิดรอยไหม้ หรือเสียรูปทรงได้ง่าย โดยเฉพาะถ้าเป็นแผ่นอลูมิเนียมที่มีความบางมาก ๆ หรือใช้ในงานตกแต่ง
ถ้าใช้ กรรไกรไฟฟ้า จะตัดง่ายกว่าเยอะ ได้แนวที่แม่นเป๊ะ ไม่ทำให้ขอบแผ่นเบี้ยว และยังปลอดภัยกับผู้ใช้มากกว่าด้วย ทั้งในแง่ของการควบคุมเครื่อง และลดความเสี่ยงจากสะเก็ดโลหะ หรือเสียงดังรบกวน
- ตัดได้แนวตรงและโค้งได้ตามต้องการ
- ลดโอกาสที่ขอบแผ่นจะเบี้ยวหรือเสียรูป
- ไม่เกิดสะเก็ดไฟ หรือความร้อนสะสม
- รอยตัดเรียบร้อย ไม่ต้องเจียซ้ำ
3. แผ่นสแตนเลส
อันนี้ต้องเลือกรุ่นที่รองรับการตัดสแตนเลสโดยเฉพาะนะครับ เพราะสแตนเลสแข็ง และเหนียวกว่าพวกเหล็กทั่วไป ถ้าฝืนใช้ อาจทำให้ใบมีดพังไวได้ หรือเครื่องรับแรงไม่ไหว ทำให้งานล่าช้า และเสี่ยงต่อความเสียหายกับตัวเครื่อง แต่ถ้าใช้รุ่นที่เหมาะ มันจะตัดสวยมากครับ โดยเฉพาะแผ่นบางสำหรับพวกงานตกแต่งที่ต้องการความเรียบร้อยสูง
กรรไกรไฟฟ้าที่ออกแบบมาสำหรับตัดสแตนเลสจะใช้วัสดุใบมีดที่แข็งแรงพิเศษ เช่น HSS หรือวัสดุเคลือบแข็ง เพื่อให้ทนแรงเสียดทานได้ดี และไม่สึกหรอง่าย ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากสำหรับช่างที่ต้องตัดสแตนเลสเป็นประจำ
- ได้รอยตัดเรียบ ไม่บิดเบี้ยว
- ลดปัญหาใบมีดสึกไวหรือบิ่น
- ควบคุมแนวตัดแม่นยำโดยไม่ต้องออกแรงมาก
- เหมาะกับงานตกแต่งที่ต้องการคุณภาพรอยตัดสูง
4. ไฟเบอร์กลาส และพีวีซีแผ่น
ถ้าเป็นงานตัดวัสดุที่ไม่ใช่โลหะ เช่น แผ่นไฟเบอร์กลาส พีวีซี หรือวัสดุแผ่นเบา ๆ ที่ต้องการตัดเรียบ ๆ ไม่ให้แตก หรือหักกลางงาน ก็ใช้กรรไกรไฟฟ้าได้เหมือนกันครับ แต่ควรเลือกใบมีดให้เหมาะ เช่น ใช้แบบใบเดี่ยว หรือกรรไกรไฟฟ้าตัดเฉือนจะดีที่สุด
วัสดุเหล่านี้มักจะมีความเปราะบาง หรือต้องการรอยตัดที่ประณีต ยิ่งถ้าใช้เครื่องมือที่แรงเกินไป เช่น เลื่อยวงเดือน หรือเครื่องเจียร มันก็อาจทำให้วัสดุแตก หรือขอบบิ่นได้ง่าย การเลือกกรรไกรไฟฟ้าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียหายของวัสดุเหล่านี้
- อย่ากดเครื่องแรงเกินไป เพราะวัสดุอาจแตก หรือฉีกขาด
- ควรทดลองตัดบนแผ่นเศษก่อน เพื่อเช็กแนวตัด และแรงกด
- เลือกใบมีดให้เหมาะกับวัสดุนั้น ๆ เช่น ใบมีดสำหรับพลาสติก หรือวัสดุนิ่ม
- หลีกเลี่ยงการใช้ความเร็วการตัดสูงเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้ขอบละลาย หรือไหม้
สรุป
กรรไกรไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่หลายคนมองข้าม แต่จริง ๆ แล้วมันใช้งานได้หลากหลายมาก ครับยิ่งในงานตัดแผ่นเหล็กที่ต้องการความเรียบร้อย สะอาด และปลอดภัย ด้วยประเภทที่มีทั้งใบมีดคู่ แบบเฉือน และแบบใบเดี่ยว ทำให้สามารถเลือกใช้งานได้ตามลักษณะงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นงานก่อสร้าง ติดตั้ง งาน DIY หรืองานตกแต่ง
ใครที่ยังไม่เคยลองใช้ ผมอยากแนะนำให้หาโอกาสลองดูครับ แล้วจะรู้ว่า กรรไกรไฟฟ้า ไม่ใช่แค่เครื่องตัดธรรมดา แต่มันคือผู้ช่วยชั้นดีของคนทำงานเหล็กเลยจริง ๆ